วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ภารกิจรักมัดใจยายตัวแสบ ตอนที่ 1

ตอนที่ 1
รถยุโรปราคานับสิบล้านกว่าบาท ขยับเขยื้อนเคลื่อนที่เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ด้วยความเร็วสูงทันทีที่ประตูรั่วบ้านเปิด เจ้าของบ้านเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าบ้าน หากแต่คนที่ผ่านไปมากลับเรียกว่าคฤหาสน์แทนซะงัน
เพราะเมื่อมองจากด้านนอก ตัวบ้านที่ใหญ่โต ไม้ดอกไม้ประดับ น้ำพุ ทุกๆที่ในบริเวณบ้านล้วนออกแบบตกแต่งได้อย่างทันสมัยและสวยงามผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า อกผายไหล่ตึง แข็งแรงสมชายชาตรี ลงมาจากรถยนต์คันดังกล่าว แล้วรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยความกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว
รุจิเลขามองไปที่ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาภายในบ้านของตน ผู้ชายคนนี้ช่างคล้ายเหลือเกิน เขาเหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรักและตกลงแต่งงานด้วย ถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะจากโลกนี้อย่างไม่มีวันได้กลับมาอีกไปแล้ว แต่ความรักที่มีต่อตัวเขายังเต็มเปี่ยมทุกก้นบึ่งของหัวใจ
ใบหน้าของชายหนุ่มที่ได้รูปทรงที่ลงตัวราบกับรูปปั้น เค้าหน้าของเขาเหมือนกันกับคนรักของรุจิเลขาไม่มีผิดเพี้ยน ยกเว้นแววตาที่หวานและคม กับริมฝีปากที่เป็นสีแดงอ่อนๆเป็นธรรมชาติ มีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้นที่ชายหนุ่มถอดเค้ามาจากตัวเธอ
“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม”
คุณรุจิเลขาถามบุตรชายคนเดียวของเธอที่พึ่งกลับมาจากทำงานที่บริษัท
บริษัทที่คุณอภิสิทธิ์ผู้เป็นสามีได้ก่อตั้งสร้างตัวขึ้นมาจากบริษัทเล็กๆ เติบโตกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่โตและมั่นคงอยู่ตราบทกวันนี้
“ก็ดีครับแม่”
ปรัตกรพูดพร้อมกับถอดสูดออก และปลดไท้วางไว้ เขาพับแขนเสื้อขึ้นมา แล้วปลดกระดุมเสื้อออกสามแถว เผยแผ่นอกแน่นกว้างแข็งแรง
“ก็ดีของลูก มันคืออะไรละ” คุณรุจิเลขาพูดไปในขณะที่ตาจ่องมองไหมพรมที่เธอกำลังถักอยู่
“ก็เรียบร้อยดีครับ” ปรัตกรพูดในขณะที่ค่อยๆเอนกายลงนอนราบที่โซฟาตัวยาว
ครู่หนึ่งคนรับใช้ในบ้านก็มาหยิบเสื้อสูดและเนกไทของปรัตกร ถือออกไป
ในขณะที่คุณรุจิเลขาวางอุปกรณ์ถักไหมพรมไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะมองไปที่ตัวลูกชายที่นอนหลับตาอยู่
“แม่มองผมทำไมหรือครับ ตาไม่กะพริบเลย” ชายหนุ่มถามขึ้นมาเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าผู้เป็นมารดากำลังนั่งมองอยู่
คุณรุจิเลขาอมยิ้ม เธอมองเห็นหน้าลูกชายทีไร ชวนให้คิดถึงใครคนหนึ่งคนนั้นทันที
“คิดถึงพ่อเหรอครับ”
ปรัตกรพูดขึ้นมาอย่างรู้ใจ สามปีแล้วที่ผู้เป็นบิดาต้องจากโลกนี้ไปด้วยโรคเนื้อร้าย วันที่พ่อเสียชีวิต คือวันที่ปรัตกรโทรศัพท์บอกบิดาว่าตนเรียนจบปริญญาโท บริหารธุรกิจจากอเมริกาเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะบินกลับประเทศไทย
ชายหนุ่มกลับมาก็ต้องพบกับความโศกเศร้าที่สุด เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าผู้เป็นพ่อเป็นโรคมะเร็ง
คุณรุจิเลขาและคุณอภิสิทธิ์ปกปิดเรื่องนี้ไว้เพราะเกรงว่าจะทำให้ลูกเสียสมาธิในการเรียน
“พ่อสบายแล้วครับ อยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดนู้น” เขายิ้มให้มารดา รอยยิ้มที่ยิ้มอย่างจริงใจเผยเขี้ยวของชายหนุ่มที่ลอดโผล่ออกมาขณะที่กำลังยิ้มอยู่
มองดูแล้วปรัตกรเหมือนเทพบุตรในคราบของซาตานยังไงยังงัน
“แล้วแม่จะได้ไปอยู่สวรรค์ชั้นเจ็ดกับพ่อเราไหมหนอ”
“โหย ได้ไงครับแม่ ผมไม่ยอมหรอก คุณแม่ต้องอยู่กับผมไปนานๆ เห็นหน้าเหลน โหลนก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
คำพูดของบุตรชายทำให้คุณรุจิเลขา หัวเราะออกมาทันที
“เข้าใจพูดนะเรา”
“ผมพูดจริงครับ” ปรัตกรอมยิ้ม
“พักหลังมานี้ แม่ไม่เห็นลูกควงสาวๆไปไหนมาไหนเลยนะ”
“พักก่อนครับ หายเหนื่อยค่อยลุยใหม่”
“หือ ระวังนะจะเจอดีเข้าซักวัน ลูกเป็นผู้ชายไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงนั้นร้ายกาจไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน”
ผู้เป็นแม่เบ้ปากใส่ลูกชาย
“ที่แม่นำมาใช้กับคุณพ่อใช่ไหมครับ”ปรัตกรพูดหยอกมารดา
“มันก็มีบ้าง ที่แม่พูดถึงคือ มารยาหญิง”
“ไม่มีหรอกครับแม่ ผู้หญิงเหล่านั้นผมไม่ได้คิดอะไรจริงจังซักหน่อย แล้วเราก็ตกลงกันก่อนที่จะคบกันเป็นกิ๊ก”
คุณรุจิแลขาได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มขึ้นมาทันที เธอดีใจเหลือเกินที่ปรัตกรลูกชายยังไม่มีคนรัก ผู้ชายวัยหนุ่มที่ครบถ้วนทุกอย่างทุกประการไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ ต่างดีไปหมดย่อมเป็นที่จับตามองของเหล่าบรรดาสาวๆ เป็นธรรมดา
“ถามจริงๆเหอะ ตอนนี้คบหาดูใจใครอยู่ บ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกครับ ผมว่าผมยังไม่เจอคนที่ใช่”
“อ้าวแล้วเมื่อไหร่ แม่จะได้อุ้มหลานกับเขาสักที”
“โธ่ คุณแม่ครับ ของอย่างนี้มันก็ต้องดูไปเรื่อยๆ ผมวางแผนไว้ว่าซักสามสิบจึงจะแต่งงาน”
คุณรุจิเลขาเบ้ปากใส่ลูกชายอีกครั้ง พร้อมกับเมินหน้าหนีทันที
“แม่คงตายก่อนที่จะได้อุ้มหลาน”
“โธ่คุณแม่ครับ”
“พอเถอะ ปรัตกร ตอนนี้อายุอานามก็ย่างยี้สิบเจ็ดแล้ว แม่ตามใจลูกมาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ลูกจะต้องตามใจแม่บ้างสักที”
น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วจริงจัง เครียด ซีเรียส ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่ที่โซฟาลุกขึ้นนั่งทันที
“ถามอีกครั้ง ตอนนี้มีคนรักแล้วยัง”
คำตอบที่ได้รับจากลูกชาย คือภาษากายนั้นเอง ทำให้คุณรุจิเลขาต้องแอบอมยิ้ม ตีสีหน้าซีเรียสเหมือนเดิม
“แม่คงไม่คิดจะหาเมียให้ผมหรอกนะครับ”
ภาษากายที่ได้เห็นจากผู้เป็นแม่ นั้นคือการพยักหน้า ทำให้ปรัตกรเริ่มเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น
“ไม่สวยผมไม่เอานะครับแม่”
“เลือกซะด้วย”
“แม่ก็ดูลูกแม่สิ หน้าตายังกะพระเอกหนัง จะมีเมียกับเขาทั้งทีแทนที่จะได้คนสวยๆ แต่กลับกลายเป็นคนขี้เหร่ซะงัน”
“แหม พ่อคนหล่อ หล่อเลือกได้” คุณรุจิเลขาพูดประชดลูกชาย
ในขณะที่ชายหนุ่มยักคิ้วให้มารดาอย่างกวนๆ
“สวย ใส ไร้สมอง ปัญญาอ่อน จะเอามะ”
“โหยคุณแม่ครับ คนที่สวยด้วย น่ารัก และเก่งๆ มีถมเถไป”
“เอาละ เอาละ เอาเป็นว่าเรื่องคู่ครองของลูก เดี่ยวแม่จะจัดการให้เอง เรื่องความสวยไม่สวย เรื่องนี้แม่ไม่สนใจเท่าไร แค่ออกงานได้ก็พอ”
ปรัตกรอ้าปากจะพูดอะไรซักอย่าง หากแต่ผู้เป็นแม่พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
“แม่รู้หรอกว่าอะไรคือ เพชร อะไรคือพลอย”
ปรัตกรได้ยินดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือต้องเงียบไปทันที เขาลงนอนราบที่โซฟาอีกครั้ง
“ลูกสะใภ้ฉันทั้งคน รู้อยู่หรอกว่าต้องแบบไหน”
“แต่ว่า”
“แต่อะไรค่ะ คุณลูกชาย” คุณริจิเลขาถาม
“ผมขอดูตัวก่อนนะครับ แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“ถ้าลูกไม่ชอบคนที่แม่ดูไว้ แม่ว่าลูกก็โง่เต็มทน”
“ครับ ครับ กระผมเข้าใจแล้วครับ คุณรุจิเลขา” ชายหนุ่มรับคำผู้เป็นมารดา ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง และหลับลงไปในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น